D.T.C. BLOG

อัพเดตข่าวสารความรู้โลจิสติกส์

รู้หรือไม่? ป้ายภาษีรถประจำปี กับ พ.ร.บ. รถยนต์ ไม่ใช่อย่างเดียวกัน

ป้ายภาษีรถประจำปี กับ พ.ร.บ. รถยนต์

สรุปความแตกต่างระหว่าง พ.ร.บ. รถยนต์ และ ป้ายภาษีประจำปี

หลายคนขับรถไปต่อภาษีประจำปี ก็มักคิดว่า “พรบ.” และ “ภาษี” คือสิ่งเดียวกัน หรือบางครั้งเรียกรวม ๆ ว่า “ไปต่อทะเบียนรถ” แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างมีความหมาย หน้าที่ และผลทางกฎหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากไม่เข้าใจให้ดี อาจทำให้คุณเสียค่าปรับโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงรอบ “ต่อทะเบียนรถ” มักเข้าใจว่าเป็นขั้นตอนเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการทำ พ.ร.บ. รถยนต์ (ประกันภัยภาคบังคับ) หรือการชำระ ภาษีรถประจำปี ซึ่งสุดท้ายก็ได้เอกสารและสติ๊กเกอร์มาติดรถเหมือนกัน จึงเกิดความสับสนว่า “พรบ.” กับ “ภาษี” คือสิ่งเดียวกัน ในความเป็นจริง ทั้งสองอย่าง แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
  • พรบ. รถยนต์ เป็นกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี เพื่อคุ้มครองความเสียหายด้านชีวิตและร่างกายจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเกิดกับผู้ขับ ผู้โดยสาร หรือคู่กรณี พูดง่าย ๆ ว่าคือ “ประกันภัยภาคบังคับ” ที่รัฐบังคับให้ทำทุกปี
  • ส่วน ภาษีรถประจำปี เป็นการจ่ายภาษีตามประเภทและอายุของรถ เพื่อให้รถยังถูกต้องตามกฎหมายการใช้บนท้องถนน เมื่อจ่ายแล้วจะได้รับ ป้ายแสดงการเสียภาษี (สติ๊กเกอร์) มาติดไว้ที่รถ
ที่สำคัญคือ คุณจะไม่สามารถต่อภาษีได้ ถ้าไม่มีการทำพรบ. มาก่อน นี่คือเหตุผลที่คนจำนวนมากทำพร้อมกันในครั้งเดียว แล้วก็เลยเผลอคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

ป้ายภาษีรถประจำปีคืออะไร?

ป้ายภาษีรถประจำปี หรือที่หลายคนเรียกว่า “เครื่องหมายแสดงการเสียภาษี” เป็นเอกสารสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนต้องมี โดยป้ายนี้จะแสดงว่าเจ้าของรถได้ ชำระภาษีรถยนต์ประจำปีเรียบร้อยแล้ว และสามารถนำรถมาใช้งานบนถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การคำนวณและอัตราภาษี

ภาษีรถยนต์ประจำปีไม่ได้เท่ากันทุกคัน แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
  • ประเภทของรถ : รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถกระบะ, รถบรรทุก, รถจักรยานยนต์ ฯลฯ
  • ขนาดเครื่องยนต์ (CC) : ยิ่งเครื่องยนต์ใหญ่ ยิ่งเสียภาษีแพงขึ้น
  • อายุการใช้งานของรถ : รถเก๋งที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป ภาษีจะค่อย ๆ ลดลง (ในอัตราที่กฎหมายกำหนด)
  • น้ำหนักบรรทุกของรถ : สำหรับรถบรรทุกจะคิดตามน้ำหนัก
ขั้นตอนการชำระภาษี เจ้าของรถจะต้องชำระภาษีทุกปี สามารถดำเนินการได้หลายช่องทาง เช่น
  • สำนักงานขนส่ง
  • เคาน์เตอร์เซอร์วิส / ธนาคาร / ไปรษณีย์
  • แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax หรือเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก
เมื่อชำระภาษีแล้ว เจ้าของรถจะได้รับ ป้ายภาษีสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีข้อมูลสำคัญ เช่น ปี พ.ศ. ที่หมดอายุ เลขทะเบียนรถ และเลขเครื่องหมายกำกับ เพื่อนำไปติดที่กระจกหน้ารถ หรือบริเวณที่กฎหมายกำหนด

ผลทางกฎหมายหากไม่ต่อภาษี

หากเจ้าของรถไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา จะมีผลดังนี้
  1. ปรับเงิน ตามที่กฎหมายกำหนด (อัตราอาจแตกต่างตามประเภทของรถ)
  2. หากปล่อยภาษีค้างเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับ และต้องเริ่มดำเนินการใหม่ทั้งหมด
  3. หากขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี อาจถูกตำรวจเรียกตรวจ และปรับเป็นจำนวนเงินหลายร้อยบาท

พ.ร.บ. รถยนต์คืออะไร?

พ.ร.บ. รถยนต์ ย่อมาจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ประกันภัยภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance) เป็นกฎหมายที่กำหนดให้ รถยนต์ทุกคันที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ต้องมีประกันภัยประเภทนี้ เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

จุดประสงค์หลักของ พ.ร.บ.

  1. ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทันที ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก
  2. คุ้มครองชีวิตและร่างกาย โดยเน้นการดูแลด้านค่ารักษาพยาบาลและชดเชยในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
  3. เป็น พื้นฐานบังคับ เพื่อให้ทุกคนได้รับความคุ้มครองอย่างน้อยที่สุด แม้จะไม่มีประกันภัยสมัครใจ (ประกันรถชั้น 1, 2, 3)
ความคุ้มครองของ พ.ร.บ. (อัปเดตตามกฎหมายปัจจุบัน)
  • ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นทันที (ไม่ต้องพิสูจน์ความผิด) สูงสุด 30,000 บาทต่อคน
  • คุ้มครองชีวิต/ทุพพลภาพ/สูญเสียอวัยวะ สูงสุด 500,000 บาทต่อคน
  • ค่าปลงศพหรือค่าชดเชยการเสียชีวิต 35,000 บาท
  • ค่าชดเชยรายวันกรณีพักรักษาตัวในโรงพยาบาล วันละ 200 บาท (สูงสุด 20 วัน = 4,000 บาท)

ความแตกต่างสำคัญระหว่าง ป้ายภาษี vs พ.ร.บ.

รายการ ป้ายภาษีรถประจำปี พ.ร.บ. รถยนต์
ลักษณะ ป้ายสีสี่เหลี่ยมติดกระจก กรมธรรม์ประกันภัย (เอกสาร)
ความหมาย การชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ประกันภัยภาคบังคับ
วัตถุประสงค์ ยืนยันว่ารถคันนั้นถูกต้องตามกฎหมาย คุ้มครองชีวิต/ร่างกายจากอุบัติเหตุ
ความสัมพันธ์ ต้องมีพรบ.ก่อน จึงต่อภาษีได้ ต้องทำทุกปี เพื่อใช้ต่อภาษี
โทษหากไม่ทำ ขับรถโดยไม่เสียภาษี มีค่าปรับ ขาดต่อพรบ. ต่อภาษีไม่ได้ ถูกปรับ และขับรถผิดกฎหมาย

ทำไมถึงมักสับสนระหว่าง ป้ายภาษี vs พ.ร.บ. ?

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า “พรบ.” และ “ภาษีรถประจำปี” เป็นสิ่งเดียวกัน เพราะเวลาไปทำธุรกรรมที่ขนส่ง หรือแม้แต่ทำผ่านตัวแทน / ร้านบริการต่อภาษี มักจะถูกดำเนินการพร้อมกันในครั้งเดียว

1. ขั้นตอนการทำอยู่ใน “แพ็กเกจเดียวกัน”

  • เวลาคุณไปต่อทะเบียนรถ เจ้าหน้าที่จะขอดู กรมธรรม์ พ.ร.บ. ก่อนเสมอ
  • ถ้าพ.ร.บ.หมดอายุ เจ้าของรถต้องทำใหม่ทันที
  • จากนั้นจึงดำเนินการ ชำระภาษีประจำปี ต่อได้
  • ทำให้คนส่วนใหญ่จำภาพว่า “ไปต่อภาษี = ต้องซื้อพรบ.ด้วย”

2. การใช้คำเรียกรวมว่า ไปต่อทะเบียน

ในสังคมไทย เวลาเราพูดถึงการชำระภาษีรถและทำพรบ. คนจะนิยมใช้คำว่า “ต่อทะเบียน” ซึ่งครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่ซื้อพรบ.ไปจนถึงได้ป้ายภาษีมาติดรถ ผลที่ตามมาคือคนทั่วไปมองว่ามันเป็น ขั้นตอนเดียวกัน

3. เอกสารและผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน

  • ทำพรบ. → ได้ “กรมธรรม์ประกันภัย”
  • ต่อภาษี → ได้ “ป้ายภาษีติดกระจก”
ทั้งสองอย่างเป็น เอกสาร/หลักฐานทางกฎหมาย ที่ต้องพกหรือติดไว้กับรถ ทำให้ผู้ใช้รถหลายคนไม่แยกความต่างของหน้าที่จริง ๆ

4. ผลกระทบเชื่อมโยงกัน

หากไม่มี พรบ. → ต่อภาษีไม่ได้ หากไม่ต่อ ภาษี → รถจะถูกระงับทะเบียนและมีโทษปรับ ตรงนี้เองที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่า สองอย่างนี้เป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันเป็น “เหตุและผล” ต่อเนื่องกัน จากที่อธิบายมาจะเห็นว่า พ.ร.บ. รถยนต์ และ ภาษีรถประจำปี ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่เป็นคนละหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรถทุกคันต้องทำควบคู่กัน
  • พ.ร.บ. คือ ประกันภัยภาคบังคับ ที่ช่วยคุ้มครองชีวิตและร่างกายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • ภาษีรถประจำปี คือ การเสียภาษีประจำปีของรถยนต์ เพื่อยืนยันความถูกต้องตามกฎหมายและสิทธิในการใช้รถบนท้องถนน
ทั้งสองอย่างนี้จึงเปรียบเสมือน คู่หูที่ขาดไม่ได้ หากไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่สามารถขับรถได้อย่างถูกกฎหมาย การเข้าใจความแตกต่างอย่างชัดเจนจะช่วยให้เจ้าของรถทุกคน ไม่พลาดต่ออายุเอกสารสำคัญ และป้องกันการถูกปรับโดยไม่จำเป็น หากคุณเห็นความสำคัญของการใช้รถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำ พรบ. หรือการต่อภาษีประจำปีแล้ว อย่าลืมว่า ความปลอดภัยบนท้องถนนก็สำคัญไม่แพ้กัน บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านระบบ GPS ติดรถยนต์, GPS Tracker, กล้องติดรถยนต์, MDVR และ CCTV ติดรถ ที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ พร้อมรองรับทุกประเภทรถยนต์ เพื่อช่วยให้คุณขับขี่อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น หากคุณกำลังมองหาโซลูชัน GPS ติดรถยนต์, GPS Tracker กล้องติดรถยนต์  , กล้องรอบคัน ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัย ความคุ้มค่า และการบริหารจัดการข้อมูลแบบมืออาชีพ MDVR จาก DTC คือคำตอบที่ใช่ ทั้งในเรื่องคุณภาพ เทคโนโลยี และบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้

 

ติดต่อเราได้ทุกช่องทาง

บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
63 ซอยสุขุมวิท 68 ถนนสุขุมวิท แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260

โทร : 1176 (24 ชั่วโมง)  |  แฟกซ์ : 02-744-7667

Email : info@dtc.co.th

Shoppee : https://shopee.co.th/dtcshop_

บทความอื่นๆ เพิ่มเติม