ในปัจจุบันการขับรถบนท้องถนนนั้น เราจำเป็นต้องรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสัญลักษณ์ไฟเตือนต่างๆ บนหน้าปัดรถนะครับ เพราะเมื่อไฟสัญลักษณ์บนหน้าปัดรถ “แจ้งเตือน” ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน แสดงว่าระบบนั้น ๆ อาจเกิดความผิดปกติ และเพื่อความปลอดภัย เราควรทำการตรวจเช็กเบื้องต้น และนำรถเข้าไปเซ็กที่ศูนย์บริการเพื่อทำการแก้ไข และลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดความเสียหายรุนแรงที่ตามมาได้ วันนี้ DTC มีคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับ 6 สัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถหมายถึงอะไรมาฝากกันครับ
6 สัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถหมายถึงอะไร ?

ไฟเตือนระบบเบรก ABS มีปัญหา
หากพบการทำงานผิดปกติ ระบบเบรก ABS ไฟเตือนจะสว่างขึ้นมา แสดงว่าระบบมีปัญหา ทางที่ดีควรเปิดคู่มือประจำรถดู หรือให้รีบนำรถเข้ารับการตรวจสอบทันที ถ้าเบรกยังทำงานได้ ก็ให้วิ่งประคองไปเรื่อยๆ อย่าใช้ความเร็วสูงนัก เพื่อความปลอดภัย บางครั้งก็เป็นเพราะว่าโคลน หรือความชื้นที่เซนเซอร์ ทำให้ค่าที่วัดได้เพี้ยนไป
ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์
ถ้าเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้ว ไฟรูปนี้ขึ้นมาแล้วไม่ดับ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์อาจมีปัญหา ทั้งนี้อาจมาจากมีอุปกรณ์บางอย่างไม่สมบูรณ์ หรือทำงานไม่เต็มที่ ให้คุณขับประคองรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างหรือผู้เชี่ยวชาญเช็ค
ไฟเตือนรูปแบตเตอรี่
หมายความว่า รถคุณกำลังมีปัญหาเรื่องไดชาร์จ เพราะระบบไม่สามารถชาร์จไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ และสิ่งที่ควรทำ คือ รีบมองหาอู่สำหรับซ่อม หรือเข้าศูนย์บริการได้แล้ว เพราะถ้าดับเครื่องเมื่อไรก็ไม่สามารถสตาร์ทขึ้นมาได้ นอกจากจะพ่วงสตาร์ทชั่วคราว
ไฟเตือนเรื่องความร้อน
สัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้รีบหาที่จอดแล้วดับเครื่องเพื่อตรวจสอบปัญหาทันที เพราะแปลว่าระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้ว อย่าปล่อยให้เครื่อง Over Heat จนดับนะ
ไฟเตือนระบบเบรก
ไฟเตือนเบรกนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นใน 2 กรณี คือ
– การดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด ไฟเตือนนี้จะสว่างขึ้นมา
– หากลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจสอบระบบเบรก อาจเกิดจากระดับน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติ
ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย
หลังจากสตาร์ท เมื่อที่นั่งฝั่งคนขับไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไฟเตือนนี้จะกะพริบ และในบางรุ่นจะส่งเสียงเพื่อสร้างความรำคาญใจด้วย จนกว่าจะมีการคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย